คล็อปป์ โอด ลิเวอร์พูล น่าชนะ แมนยู – เชื่อโอกาสลุ้นแชมป์ลีกยังเปิดกว้าง

เจอร์เกน คล็อปป์ กุนซือ ลิเวอร์พูล โอด “หงส์แดง” น่าเป็นฝ่ายบุกชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลังจบเกมด้วยผลเสมอ พร้อมเชื่อโอกาสลุ้นแชมป์ลีกยังเปิดกว้างแม้จะหล่นมาอยู่รองจ่าฝูง

โดย ลิเวอร์พูล ที่มีโอกาสจบสกอร์ถึง 17 ครั้งในเกมนี้กลับต้องมาไล่ตามตีเสมอ แมนฯ ยูไนเต็ด 2-2 ในศึกแดงเดือด เวอร์ชั่นพรีเมียร์ลีก อังกฤษ 2023-24 เมื่อวันที่ 7 เม.ย.

เกมนี้ “หงส์แดง” ออกนำก่อน 1-0 จาก หลุยส์ ดิอาซ นาทีที่ 23 ก่อนจะมาโดนยิงแซง 2 ลูกรวดจาก บรูโน แฟร์นานเดส นาที 50 และค็อบบี ไมนู นาที 67 ถึงกระนั้น โมฮาเหม็ด ซาลาห์ มาซัดจุดโทษช่วยทีมตีเสมอ 2-2 นาที 84 ก่อนจบเกมด้วยสกอร์นี้

จากผลที่เกิดขึ้นทำให้ ลิเวอร์พูล มีเพิ่มเป็น 71 คะแนนจาก 31 นัดเท่ากับ อาร์เซนอล จ่าฝูงทว่าลูกได้เสียเป็นรองทำให้พวกเขาชวดแซง “ปืนใหญ่” กลับไปเป็นจ่าฝูง

หลังเกม คล็อปป์ ระบุถึงผลงานของทีมในแมตช์ดังกล่าวว่า “เราควรจะชนะเกมนี้ ชัดเจน เราน่าจะได้ประตูอื่นตั้งแต่ครึ่งแรกแล้ว ครึ่งหลังพวกเขาทำได้ดีจริงจากลูกยิงของ บรูโน และบรรยากาศในสนามก็กดดัน เราต้องการเวลา 2-3 นาทีเพื่อปรับตัวอีกครั้ง และพวกเขายิงประตูได้อีก”

“เรามีโอกาสครั้งใหญ่ทั้งก่อน และหลังพวกเขาทำประตู เท่าที่ผมกังวล เรามีแต้มมากกว่าที่เราทำเมื่อก่อน พวกเขาทำการเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติม มันเป็นอย่างนั้น การตีเสมอเป็นสิ่งที่เราสมควรได้รับ”

“ผมไม่ได้โกรธเด็กๆ เลย แต่ในเกมผมจะไม่ปล่อยให้เรื่องต่างๆ เกิดขึ้น เรารับลึกเกินไป มีสถานการณ์มากมายที่เราสามารถป้องกันบอลได้ คุณต้องมีความมุ่งมั่น”

นอกจากนั้นเฮดโค้ชวัย 56 ปียังพูดถึงโอกาสลุ้นแชมป์ลีกในขณะนี้ว่า “เราเหลือเกมในบ้านไม่มากนัก ทีมที่คว้าแชมป์ลีกในท้ายที่สุดก็สมควรได้รับมัน เราอยู่ในการแข่งขัน (คว้าแชมป์ลีก) และผมโอเคกับมันอย่างแน่นอน”

คล็อปป์ย้อนรอยเหตุการณ์ที่มีประเด็นกับนักข่าวโคนม

เจอร์เก้น คล็อปป์ นายใหญ่ลิเวอร์พูลได้พูดถึงเหตุการณ์ที่เขามีประเด็นกับ นีล คริสเตียน เฟรเดริคเซ่น นักข่าวชาวเดนมาร์ก หลังเกมแดงเดือดฉบับเอฟเอ คัพ ที่ ‘หงส์แดง’ พ่ายต่อ แมนฯ ยูไนเต็ดไป 4-3 เมื่อหลายสัปดาห์ที่ก่อน

      ลิเวอร์พูลจะกลับมาเจอกับ แมนฯ ยูไนเต็ด อีกครั้ง แต่เปลี่ยนเป็นรายการพรีเมียร์ลีก 

      นักข่าวไม่วายโยนถามประเด็นที่เขาเคยมีเรื่องราวกับนักข่าวของเวียเพลย์ ที่ออกมากล่าวว่า คล็อปป์ พูดจาไม่ดีใส่เขาในช่วงให้สัมภาษณ์หลังเกม แถมยังเสียมารยาทเดินหนีเขาไปทั้งๆ ที่ยังไม่ตอบคำถามด้วย

      เกี่ยวกับเรื่องนี้ คล็อปป์ กล่าวถึงเหตุการณ์วันนั้นว่า “หลังแมตช์มีการสัมภาษณ์ที่เป็นเรื่องที่ถูกพูดถึงขึ้นมา และผมอยากจะบอกว่าครั้งหนึ่งผมโชคดี แต่ผมไม่อยู่ ผมอยู่ในประเทศ แต่ผมรู้จริงๆ ว่าจะเกิดอะไรขึ้น”

      “ผมสงบมากหลังจบเกม ผมไม่ได้โกรธด้วยซ้ำเพราะผมรู้ว่าเราต้องชนะในจุดนั้น ในช่วง 15-20 นาทีแรก ยูไนเต็ด อยู่ตรงนั้น พวกเขาดุดันมากและยิงประตูได้”

      “แต่แล้วเราก็เข้ามารับช่วงต่อ และมันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่เราได้เล่นกับพวกเขามาระยะหนึ่งแล้ว ในสถานการณ์ที่คล้ายกัน มีฟุตบอลที่ดีจริงๆ ที่ไม่สามารถทำประตูได้ และหลังจาก 90 นาที ผมเห็นนาทีต่อนาทีว่ามันมากเกินไป”

      “มันเป็นจุดสิ้นสุดของช่วงเวลาอันเข้มข้นนี้หลังจากทุกเกมที่เราเล่น นั่นเป็นเหตุผลที่ผมพูดหลังเกมว่ามันเป็นครั้งแรกที่ผมเห็นเราดิ้นรน”

      “มันมากเกินไปสำหรับผู้เล่นกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่ผมไม่ได้โกรธ แล้วผู้ชายคนนั้นก็ถามผมเกี่ยวกับความเข้มข้น มันก็แค่นั้น”

‘ฟาน ไดค์’ ชื่นชมความยืดหยุ่นของหงส์ที่เก็บชัยเหนือเชฟยู

เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ กัปตันทีมลิเวอร์พูลชื่นชมฟอร์มที่แสดงให้เห็นถึงความยืดหยุ่นอีกครั้งของหงส์แดงในชัยชนะเหนือเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด 3-1 ที่แอนฟิลด์เมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา

    ในการให้สัมภาษณ์กับ TNT Sports หลังเกม ฟาน ไดค์รู้สึกพอใจกับความสามารถของหงส์แดงในการเอาชนะความท้าทายต่างๆ ในเกม และเก็บ 3 คะแนนในเกมที่สำคัญได้

    “เราเกือบตามหลังตั้งแต่ต้นเกม” เจ้าของหมายเลข 4 กล่าว “เราต้องเริ่มเกมให้ดีขึ้นมาก ดุดันมากขึ้น และนั่นคือสิ่งที่เราต้องปรับปรุง”

    “มันบอกอะไรได้มากมายเกี่ยวกับทีม ความยืดหยุ่น วิธีที่เราเด้งกลับมา และวิธีที่เราจะเปลี่ยนเกมได้ นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้เช่นกัน แน่นอนว่าการจากเสมอ และเปลี่ยนมันในช่วงปีะท่ 15 นาทีสุดท้ายเป็นสิ่งที่ดีและในขั้นตอนนี้เช่นกัน ทุกอย่างเป็นเรื่องของคะแนน คุณไม่สามารถทำแต้มหล่นได้”

    “แน่นอนว่าเมื่อคุณยอมรับในช่วงท้ายเกม มันอาจทำให้กังวล แต่ผมคิดว่าเราควบคุมได้ ชัดเจนว่าแผนของพวกเขาคือการหยุดเกมของเราและเราต้องตระหนัก และต้องแน่ใจว่าระบบอยู่ตรงนั้นอย่างสมบูรณ์แบบ และไม่พยายาม (เพื่อ) เรื่องเร่งรีบ ผมคิดว่าก่อนที่เราจะเสียประตู เราเร่งรีบนิดหน่อย และพยายามหาจังหวะจ่ายบอลที่ยากที่สุด”

    “เมื่อเราเสียประตู ผมคิดว่าเราเปลี่ยนไปเป็นทีมที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง และเราเริ่มเล่นเกมรุก และสร้างสรรค์โอกาสได้มากมาย (มี) การวิ่งตัดขึ้นไปมากขึ้น และมีช่วงเวลาที่ยากลำบากมากขึ้นสำหรับพวกเขา โดยรวมแล้วช่วงเวลาที่ประหม่าอาจไม่มากเท่าที่ดูจากภายนอก”

‘แม็คก้า’ แฮปปี้ลูกยิงตัวเองแต่ชี้ชัยชนะของทีมสำคัญที่สุด

แม้จะทำประตูสุดสวยได้ในเกมกับเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ที่ผ่านมาล่าสุด แต่ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ กองกลางจอมทัพของลิเวอร์พูลยืนยันว่าสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับเขาคือชัยชนะของทีม

        แม็ค อัลลิสเตอร์ ทำประตูให้ลิเวอร์พูลได้อีกครั้งจากลูกยิงไกลที่ช่วยให้ทีมขึ้นนำเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ก่อนจะจบลงด้วยชัยชนะ 3-1 ต่อหน้าแฟนๆ ที่แอนฟิลด์

        “ผมไม่รู้…เรากำลังคุยกันเรื่องนั้นอยู่! ทั้งสองประตูดีมาก” แม็คก้าตอบคำถามนักข่าวที่ถามเขาว่าประตูที่ทำได้ในเกมนี้ กับประตูก่อนหน้าที่เคยยิงฟูแล่ม อันไหนสวยกว่ากัน

        “แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการช่วยให้เราเป็นผู้ชนะ และนั่นสำคัญมาก ในเกมกับฟูแล่ม พวกเขาบอกผมว่ามันเป็นเรื่องโชคดี ดังนั้นผมต้องพิสูจน์ว่าพวกเขาคิดผิด!”

อย่าดูแคลนโอลด์ แทรฟฟอร์ด! คาร์ร่าชี้ปัจจัยพิเศษผีเวลาเจอหงส์

เจมี่ คาร์ราเกอร์ อดีตกองหลังทีม ลิเวอร์พูลชี้สนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด เป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้ แมนฯ ยูไนเต็ด เหมือนมีพลังพิเศษพร้อมที่จะเอาชนะ ลิเวอร์พูล ในการเจอกัน แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ในฟอร์มที่เลวร้ายแค่ไหนก็ตาม

     คาร์ร่าได้ย้อนความไปถึงเกมที่ ลิเวอร์พูล บุกไปแพ้ แมนฯ ยูไนเต็ด  4-3 ในช่วงต่อเวลาของฟุตบอลถ้วยน็อกเอาต์ว่าเป็นการส่งสัญญาณให้เห็นว่าไม่ว่า ผีแดง จะมีฟอร์มที่เลวร้ายขนาดไหน แต่พวกเขาพร้อมเอาชนะหงส์แดง ได้เสมอเนื่องจากการได้เล่นใน โอลด์ แทรฟฟอร์ด ถือเป็นปัจจัยสำคัญ

    “โอลด์ แทรฟฟอร์ด เป็นหนึ่งในสนามที่คุณรู้สึกถึงประวัติศาสตร์ได้ในทันทีที่เริ่มเกม คุณจะไม่รู้สึกปลอดภัยโดยไม่สำคัญเลยว่าสกอร์ในช่วงนั้นจะเป็นเท่าไหร่” คาร์ราเกอร์ กล่าวเตือนอดีตสโมสรเมื่อ 6 เม.ย.

    “เป็นธรรมดาที่ แอนฟิลด์ สร้างบรรยากาศให้นักเตะ ยูไนเต็ด ประสบกับความยากลำบากในการเล่น ผมสามารถการันตีได้ว่ามันจะเป็นความรู้สึกที่กลับกันสำหรับอีกสนาม”

    “ขณะที่ แอนฟิลด์ เต็มไปด้วยความกดดัน และทำให้นักเตะ ยูไนเต็ด รู้สึกบีบคั้นท่ามกลางฝูงชนที่ยอดเยี่ยม โอลด์ แทรฟฟอร์ด เป็นสนามที่กว้างใหญ่กว่าไม่ต่างอะไรกับ เวมบลีย์ ซึ่งจะทำให้นักเตะ ยูไนเต็ด มีพื้นที่มากขึ้นต่อการระเบิดศักยภาพ คุณไม่อาจปิดสวิตช์ได้เลยสำหรับบรรยากาศที่น่าหวาดผวานี้ซึ่งสามารถทำให้เกมพลิกผันได้ในชั่วพริบตา”

    “และเมื่อนั้นคุณจะรู้สึกว่าแข้งขาของคุณหนักขึ้น และมันจะเป็นความรู้สึกที่ชวนผวาเมื่อนักเตะเจ้าบ้านและแฟนบอลได้กลิ่นคาวเลือด โอลด์ แทรฟฟอร์ด เป็นหนึ่งในสังเวียนแข้งที่ทำให้นักเตะหลายรายหนาวสั่น”

    “มันไม่สำคัญเลยว่าพวกเขาจะมีฟอร์มที่เลวร้ายเมื่อสัปดาห์ที่แล้วก่อนลงเล่นเกมนี้ เราได้เห็นกันมาบ่อยแล้วจนเข้าใจได้ว่าบ้านของ แมนฯ ยูไนเต็ด ทำให้ ลิเวอร์พูล เจอกับพื้นที่สนามที่กว้างขวางขึ้น และมันต้องใช้พละกำลังมากขึ้นในการเข้าปะทะ และต้องทุ่มเทมากขึ้นต่อการการันตีว่าจะไม่ออกไปแบบมือเปล่า”

    “แฟนบอลเจ้าบ้านจะส่งเสียงดังมากเป็นพิเศษ ผมมั่นใจว่าแฟนขาประจำของ ยูไนเต็ด ที่เข้าดูเกม เอฟเอคัพ นัดชนะ ลิเวอร์พูล จะเห็นด้วยว่าพวกเขาได้เห็นอีกด้านของทีมในอีกสนามที่พวกเขามีประจักษ์พยานจำนวนมาก”

    “เมื่อองค์ประกอบทุกอย่างหลอมรวมกัน บวกกับความเชื่อมั่นที่เพิ่มมากขึ้น มันจึงไม่ง่ายเลยที่คุณจะบุกไปคว้าผลลัพธ์ที่นั่น”

ข่าวจาก siamsport

ลิเวอร์พูลมาดุดันแน่! ตำนานปืนกังวลแทนแมนฯ ยูไนเต็ด

เอียน ไรท์ อดีตกองหน้าทีม อาร์เซน่อล แสดงความกังวลแทน แมนฯ ยูไนเต็ด ในศึกแดงเดือดค่ำคืนนี้ เพราะเขารู้สึกว่า ลิเวอร์พูล จะโฟกัสและดุดันมากกว่าเกมเอฟเอ คัพ ที่มาเยือนก่อนหน้านี้แน่นอน

     แมนฯ ยูไนเต็ด จะลงเล่นเกมลีกนัดสำคัญเปิดบ้านต้อนรับ ลิเวอร์พูล คู่ปรับตลอดกาลในวันอาทิตย์นี้หลังเพิ่งสร้างความผิดหวังให้กับสาวกอย่างแรงในเกมออกไปแพ้ เชลซี 4-3 เมื่อกลางสัปดาห์โดยเสียสองประตูในช่วงทดเวลาทั้งๆที่สอยตาข่ายแซงนำ สิงห์บลูส์ ได้ 3-2

     อย่างไรก็ดี ในเกมแดงเดือดหนล่าสุดที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด ช่วงกลางเดือนก่อน ผีแดง สร้างเซอร์ไพรส์ได้อย่างน่าทึ่งด้วยการ เขี่ย หงส์แดง ตกรอบแปดทีมถ้วย เอฟเอคัพ ได้ด้วยสกอร์ 4-3 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ

     ต่อความน่าจะเป็นของเกมแดงเดือด พรีเมียร์ลีก ในวันอาทิตย์นี้ ไรท์ แสดงทัศนะอย่างชัดถ้อยชัดคำว่าเขาเป็นห่วงทีมของ เอริค เทน ฮาก เป็นอันมาก

     “ผมกลัวแทน แมนฯ ยูไนเต็ด ผมรู้สึกว่า ลิเวอร์พูล จะโฟกัสมากกว่าตอนที่พวกเขาเจอกันในเกม เอฟเอคัพ และจะดุดันมากขึ้น” อดีตสตาร์ทีมชาติ อังกฤษ ระบุเมื่อ 6 เม.ย.

     “เรารู้ว่า ยูไนเต็ด อาจเล่นได้อย่างอันตราย และ อเลฮานโดร การ์นาโช่ คนเดียวสามารถสำแดงพิษสงได้ แต่ ลิเวอร์พูล ต้องการบุกไปเป็นจ่าฝูงที่นั่น”

     “ผมเป็นกังวลแทน ยูไนเต็ด เพราะผมสามารถเห็นสิ่งสำคัญที่ถูกซุกซ่อนอยู่ บอกตามตรงผมเห็นว่าพวกเขาซ่อนบางอย่างเอาไว้”

     “มันไม่เหมือน โอลด์ แทรฟฟอร์ด ที่เคยเป็นป้อมปราการอีกต่อไปแล้ว หาก ลิเวอร์พูล  บุกมาโดยคิดแบบนี้อยู่ในหัว มันก็จะน่าเป็นกังวลอย่างถึงที่สุดสำหรับ ยูไนเต็ด”

     ด้าน เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีม เร้ด แมชีน เอ่ยถึงการพาทีมกลับไปเยือน โรงละครแห่งความฝัน อีกรอบว่า “ข่าวดีคือเราจะไม่มีเกมในช่วงต่อเวลาอีกครึ่งชั่วโมง มันมากเกินไปสำหรับเราในวันนั้น เราไม่อาจคอนโทรลอะไรได้อีกเลย เราก่อความผิดพลาดอย่างที่เราไม่เคยทำมาก่อน และ ยูไนเต็ด พลิกเกมได้สำเร็จ”

     “ยูไนเต็ด เป็นยอดทีมตอนที่ได้เล่นในบ้าน เรารู้ดี ฟุตบอลไม่ใช่เรื่องง่าย เราต้องหาวิธีสร้างปัญหาให้ ยูไนเต็ด และพวกเขาจะพยายามทำกับเราแบบเดียวกัน”

     “ในสนามนี้กับคู่แข่งทีมนี้ เราต้องเล่นให้ดีขึ้นหากเราต้องการได้รับบางอย่าง”

ข่าวจาก siamsport

‘ร็อบโบ้’ ผงาดเบอร์ 1 กองหลังแอสซิสต์มากสุดในพรีเมียร์ลีก

 แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน แบ็คซ้ายของลิเวอร์พูล แซง เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ เพื่อนร่วมทีม ผงาดขึ้นเป็นเบอร์ 1 กองหลังที่แอสซิสต์สูงสุดตลอดกาลในพรีเมียร์ลีกไปเรียบร้อยแล้ว หลังจ่ายให้ โคดี้ กัคโป โหม่งประตูในเกมชนะเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด

       ในเกมที่ลิเวอร์พูลเปิดแอนฟิลด์เอาชนะเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด 3-1 ประตูที่ 3 นั้น กัปตันทีมชาติสกอตแลนด์ที่ลงมาเป็นตัวสำรองเป็นคนครอสอย่างเหมาะเจาะให้ กัคโป วิ่งมาโหม่งสะบัดเต็มหัวที่จุดนัดพบตุงตาข่ายอย่างสวยงาม

       แอสซิสต์นี้เองส่งผลให้ ร็อบโบ้ ทำแอสซิสต์รวมไปเป็น 59 ครั้ง ผงาดเบอร์ 1 กองหลังที่แอสซิสต์สูงสุดตลอดกาลพรีเมียร์ลีก แซงหน้าแบ็กขวาเพื่อนร่วมทีมอย่าง เทรนต์ ที่ทำไว้ 58 แอสซิสต์

      อย่างไรก็ตามศึกนี้ไม่จบง่ายๆ เพราะ เทรนต์ เจ้าของตำแหน่งคนเดิมก็ใกล้จะกลับมาลงสนามได้อีกครั้ง หลังโดนอาการบาดเจ็บตามเล่นงานที่หัวเข่า ซึ่งเป็นจุดเดิมที่เคยเจ็บ ในเกมชนะ “เดอะ คลาเรตส์” เบิร์นลีย์ 3-1 จนต้องพักยาวตั้งแต่วันที่ 10 ก.พ. ที่ผ่านมา และคาดว่าจะกลับมาซ้อมกับทีมได้ในสัปดาห์หน้า

แต่ตอนนี้ขอเรียนรู้ก่อน! กูรูสเปนเผย ‘อลอนโซ่’ มีแผนคุมหงส์

กีเยม บาลาเก สายข่าวฟุตบอลสเปนระบุ ชาบี อลอนโซ่ มีแผนจะคุมลิเวอร์พูลไม่วันใดก็วันหนึ่งแน่นอน แต่ที่ตอนนี้ตัดสินใจอยู่คุมทีมไบเออร์ เลเวอร์คูเซนต่อไปก่อน ก็เพราะต้องการเรียนรู้และสะสมประสบการณ์ให้พร้อมกว่านี้ก่อนไปรับงานคุมทีมระดับ ‘หงส์แดง’

     อลอนโซ่ได้ออกมาประกาศจุดยืนว่าเขาจะอยู่คุมเลเวอร์คูเซ่นต่อในฤดูกาลหน้า แม้เจ้าตัวจะตกเป็นข่าวเชื่อมโยงกับลิเวอร์พูล รวมถึง บาเยิร์น มิวนิค 

     ทั้งนี้ บาลาเก้ที่เป็นกูรูดังให้กับ ซีบีเอส สปอร์ต, บีบีซี และ ลาลีกา ทีวี ได้พูดถึงเหตุผลที่ทำให้อลอนโซ่ตัดสินใจดังกล่าวว่า อลอนโซ่ เชื่อว่าตัวเขายังมีอะไรให้เรียนรู้อีกเยอะ ก่อนจะรับงานที่รับภาระหนักและยิ่งใหญ่อย่างที่ลิเวอร์พูล

     ซึ่งนั่นก็ถือว่าสอดคล้องกับความเป็นจริง เพราะถึงแม้ผลงานของนายใหญ่ชาวสเปนจะเข้าขั้นผู้จัดการทีมระดับท็อป หลังพา ห้างขายยา ถือสถิติไร้พ่ายตลอด 40 นัดในฤดูกาลนี้ แต่อย่าลืมว่านี่คือการคุมทีมชุดใหญ่เป็นครั้งแรกในชีวิต ย้อนกลับไปก่อนจะเข้ามาเป็นกุนซือของ เลเวอร์คูเซน ประสบการณ์ของเขานั้นมีแค่การเป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนของ เรอัล มาดริด ชุดเยาวชน และ เรอัล โซเซียดัด ชุดสำรองเท่านั้น

ข่าวจาก thairath

ไม่มีอ้อมค้อม! ‘ไวล์เดอร์’ รับสภาพแพ้หงส์-โดนลูกยิงระดับโลก

คริส ไวล์เดอร์ ผู้จัดการทีม เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ยอมรับว่ารู้สึกผิดหวังแต่ก็รับสภาพที่แพ้ต่อลิเวอร์พูล 1-3 พร้อมยกลูกยิงของ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ ว่าระดับโลก และยังอวยพรให้ ‘หงส์แดง’ ไปถึงแชมป์พรีเมียร์ลีกให้ได้

      ไวล์เดอร์ กล่าวว่า “พวกเราผิดหวัง ผมไม่คิดว่าเราเป็นทีมที่โชคดี การจบสกอร์ของ แม็ค อัลลิสเตอร์ คือระดับโลกชัดๆ แต่ไม่มีใครเห็นใจเราหรอก เราแค่ต้องก้มหน้าทำงานต่อไป อย่างไรก็ตามผมหวังว่า ลิเวอร์พูล จะคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกนะ”

      สำหรับสถานการณ์ของ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ยังถือว่าย่ำแย่ มีแค่ 15 คะแนน จากการลงเล่น 30 นัด จมบ๊วยของตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก ห่างโซนปลอดภัยถึง 10 คะแนน

ข่าวจาก thairath

รอมาตั้งแต่ปี 2013! ‘แม็ค อัลลิสเตอร์’ ทำสถิติทาบ ‘เจอร์ราร์ด’

อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ กองกลางทีมชาติอาร์เจนตินาที่กำลังทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมให้กับ ลิเวอร์พูล ได้ทำสถิติทาบ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ตำนานกองกลางกัปตันทีม ‘หงส์แดง’ ที่เคยทำไว้ในปี 2013 ได้ด้วย หลังสามารถยิงประตูหรือแอสซิสต์ได้ 6 เกมติดต่อกันเหมือนกัน 

     แม็ค อัลลิสเตอร์ เพิ่งซัดประตูล่าสุดในเกมที่ลิเวอร์พูลชนะเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด 3-1 โดยก่อนหน้านั้นไม่กี่วันเขาก็เป็นคนแอสซิสต์ให้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ทำประตูในเกมที่เฉือนชนะไบรท์ตัน 2-1 ด้วย

          นอกจากนั้น แม็ค อัลลิสเตอร์ ยังสร้างผลงานทำอีก 7 สถิติที่ยอดเยี่ยมในฤดูกาลนี้ไว้ดังนี้

          – แม็ค อัลลิสเตอร์ มีส่วนร่วมกับประตูถึง 8 จาก 10 เกมหลังสุดในการเล่นทุกรายการให้กับ ลิเวอร์พูล 

          – ในช่วง 10 เกมที่ผ่านมา แม็ค อัลลิสเตอร์ ยิงไป 5 ประตู และทำ 5 แอสซิสต์

          – ลิเวอร์พูล สร้างสถิติใหม่ พรีเมียร์ลีก ด้วยการครองบอลได้ถึง 83.1 เปอร์เซ็นต์ในเกมชนะ เชฟฯ ยูไนเต็ด โดย แม็ค อัลลิสเตอร์ ผ่านบอลสำเร็จ 78 ครั้ง ขณะที่นักเตะ “ดาบคู่” ผ่านบอลสำเร็จรวมกันแค่ 82 ครั้งเท่านั้น 

          – แม็ค อัลลิสเตอร์ มีส่วนร่วมกับ 9 ประตูใน พรีเมียร์ลีก ซีซั่นนี้ (ยิง 4 แอสซิสต์ 5) โดยที่ 8 ลูกมีผลให้ ลิเวอร์พูล เสมอหรือขึ้นนำคู่แข่ง

          – ฤดูกาลนี้ นักเตะ ลิเวอร์พูล มีแค่ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ และ หลุยส์ ดิอาซ ที่ได้ลงสนามคิดเป็นนาทีมากกว่า แม็ค อัลลิสเตอร์

          – แม็ค อัลลิสเตอร์ มีสถิติยิงจุดโทษเข้า 92.3 เปอร์เซ็นต์ตลอดอาชีพค้าแข้ง โดย 9 หนหลังสุดซัดเข้าหมด และสังหารให้ ลิเวอร์พูล ไป 2 ลูกในซีซั่นนี้

          – แม็ค อัลลิสเตอร์ แอสซิสต์ให้ ลิเวอร์พูล ใน 24 เกมแรกได้เท่ากับที่เคยทำให้ ไบรท์ตัน ตลอด 98 เกมไปแล้ว

ข่าวจาก siamsport

สโมสร ลิเวอร์พูล คลับแอนฟีลด์